Dec 13, 2022
“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?
การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก ทั้งการออกนโยบายใหม่ เพื่อหาคะแนนเสียง แล้วก็ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะออกเดินทางมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้คนที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วก็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยยิ่งไปกว่านั้น อำนาจในการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มที่
ทำให้ในตอนนี้ หลายฝ่ายกำลังจ้อง แล้วก็ พินิจการเคลื่อนที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อใด เพราะว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลด้านการเมือง กับทุกพรรค แล้วก็ ทุกกลุ่มการบ้านการเมืองเป็นลูกโซ่ ช่วงเวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือ ปลดปล่อยยาวจนครบวาระ มันก็ล้วนมีนัยยะด้านการเมืองทั้งสิ้น
หากแยกโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอเดากันได้อยู่แล้วว่า เขาปรารถนาไปต่อ อีกสองปี ตามกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมไปถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วก็ ยุบสภาเมื่อใด
ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 เดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เพื่อร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เดือนธันวาคม 2565
โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีได้ทักทายสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ
แล้วต่อจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังนักข่าวถาม มีความเป็นห่วงประเทศอะไร หรือเปล่า ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการดำเนินงานไปตามระบบ นายกฯ ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เพราะว่า ระดับนโยบาย นายกฯได้สั่งการไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ดำเนินงานไป ความสำเร็จก็ตามมา
“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
เมื่อถามถึงกรณีผลที่เกิดขึ้นจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนเสียง พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง นายกฯกล่าวว่า ไม่รู้จักโพล ใครทำก็ไม่รู้จัก ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่รู้จักเช่นกัน ไม่มีผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง นักข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะมีผลต่อการตัดสินใจ หรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่า กลับมาจากต่างประเทศคราวนี้ จะแสดงทีท่าด้านการเมืองที่ชัดเจน ได้หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”
คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้ถูกตีความหมายได้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – อียู หลังวันที่ 15 เดือนธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความแน่ชัดออกมา หรือเปล่า แล้วก็ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือเปล่า
เพราะว่าหากจำกันได้ ก่อนหน้าที่ผ่านมา เขาเคยตอบปัญหาว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งอันที่จริงในตอนนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความแน่ชัดมาและจากนั้นก็คือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
เพียงแต่ว่า ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่าเชื่อว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เพราะว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุนี้ ทำให้การประกาศท่วงท่าด้านการเมืองใหม่ ก็เลยจะต้องทอดเวลา ออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อนไหว มีการเปิดนโยบายพรรค
รวมไปถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครื้นครึก มันก็แปลงเป็น ตัวกระตุ้นให้เขาจะต้องร่นเวลาเปิดตัว สร้างความแน่ชัดด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่น แล้วก็ การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กลุ่มการบ้านการเมือง ได้ตัดสินใจ
อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จะต้องตัดสินใจด้วย เนื่องจากว่า หากเคลื่อนไหวช้า หรือยังเงียบถัดไป อาจมีผลต่อการเตรียมการของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้มองเห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็ควรมีความแน่ชัด
ก่อนหน้าที่ผ่านมา ถ้าหากตรวจบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กลุ่มการบ้านการเมือง ที่ประกาศชัดเจนว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ จำนวนหนึ่ง
มีรายนามแล้ว 3 – 4 คน กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กลุ่มภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแน่ชัดแล้ว น่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายคนตามมาอีก
แม้ว่าหลายคนเห็นว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนมากจะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความแตกต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการตัดคะแนนกันเองก็ตาม
แต่ ช่วงเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทมิได้ก็คือ “กระแส” ที่การบ้านการเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างแน่นแฟ้น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ สำคัญ ๆจะเป็นแบบนี้ แม้ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลุ่มใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังมิได้เติบโต ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า
ส่วนกลุ่มไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน
ที่ตรึกตรองตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล แล้วก็ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา ได้โอกาสแทรกขึ้นมา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง เพราะว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคอีสานที่เป็นจุดตัดสิน แต่นั่น เป็นเพราะว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มกำลัง
ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 เดือนธันวาคม แล้ว เชื่อว่าจะต้องชัดเจน เพราะว่าฝั่งตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก แล้วก็ ขยับไปไกลแล้ว คงคอยมิได้แล้ว
แล้วก็ เมื่อจะต้องประกาศท่วงท่า มันก็จะต้องตระเตรียม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งหากเป็นแบบนี้ มันก็น่าจะลงคะแนนกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้าที่ผ่านมา !!
More Details